

สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการประดิษฐ์ครรภ์มารดาเทียม สำหรับช่วยชีวิตทารกแกะที่คลอดก่อนกำหนด โดยมุ่งหวังจะพัฒนาเพื่อใช้กับมนุษย์ในอนาคต วารสาร Nature Communications ได้มีการเผยแพร่วิธีการช่วยชีวิตทารกแกะที่คลอดก่อนโดยการใช้ถุงพลาสติกที่ผลิตจากฟิล์มพอลิเอทิลีน (Polyethylene film) ทำหน้าที่เป็นถุงครรภ์เทียมชีวภาพ โดยทีมนักวิจัยได้นำลูกแกะที่คลอดก่อนกำหนดขณะมีอายุเทียบเท่าทารกมนุษย์ที่อยู่ในครรภ์ 23 สัปดาห์ มาเลี้ยงไว้ในครรภ์มารดาเทียม (Biobag) ที่มีลักษณะเป็นถุงซิบล็อคที่ทำหน้าที่เสมือนมดลูก ประดิษฐ์ขึ้นจากพลาสติกชนิดพอลิเอทิลีน (Polyethylene) มีลักษณะเป็นถุงห่อหุ้มตัวลูกแกะเอาไว้ รวมทั้งมีน้ำคร่ำเทียมและระบบช่วยหมุนเวียนเลือดคอยหล่อเลี้ยงเป็นเวลา 28 วัน จนลูกแกะสามารถพัฒนาอวัยวะภายในให้เจริญขึ้นและพร้อมต่อการมีชีวิตรอดในโลกภายนอก
ครรภ์มารดาเทียมนี้ มีลักษณะเป็น “ถุงชีวภาพ” บรรจุน้ำคร่ำเทียมที่ทำจากน้ำเกลืออุ่นไหลเวียนเข้า-ออกตลอดเวลา โดยมีการเปลี่ยนถ่ายสารละลายนี้อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมีท่อที่ต่อเข้ากับสายสะดือของลูกแกะเพื่อนำเลือดให้ไหลเวียนออกมาเข้าเครื่องรับออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็น เครื่องนี้ทำหน้าที่แทนรกในครรภ์มารดา ผลปรากฎว่า ภายในระยะ 4 สัปดาห์ ตัวอ่อนเริ่มสร้างปอดและอวัยวะอื่นๆ จนครบ โดยเฉพาะปอดและหัวใจมีการเจริญเติบโตแข็งแรงขึ้นเหมือนสัตว์ที่อยู่ในครรภ์ตามธรรมชาติจริงๆ นอกจากนี้ยังสามารถลืมตาขึ้นได้และมีขนงอกขึ้นตามปกติอีกด้วย สามารถหายใจได้ด้วยปอดของตัวเองภายหลังออกจากครรภ์มารดาเทียม และมีชีวิตอยู่รอดด้วยสุขภาพที่แข็งแรง
หนึ่งในคณะผู้วิจัยครรภ์มารดาเทียมมีความคาดหวังว่าจะนำเครื่องมือนี้ไปทดลองใช้ในมนุษย์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หลังผ่านการทดสอบความปลอดภัยขั้นต้น โดยมีเป้าหมายในการช่วยชีวิตทารกที่คลอดก่อนกำหนดขณะอายุครรภ์ได้เพียง 23-24 สัปดาห์ ซึ่งตามปกติแล้วโอกาสรอดชีวิตมีเพียง 15% ในขณะที่ทารกที่คลอดขณะอายุครรภ์ต่ำกว่า 23 สัปดาห์นั้นโอกาสรอดชีวิตแทบจะเป็นศูนย์
อย่างไรก็ตาม ครรภ์มารดาเทียมนี้ยังคงมีปัญหาในเรื่องความเสี่ยงต่อการติดเชื้ออยู่ แม้ถุงชีวภาพที่บรรจุลูกแกะจะมีการฆ่าเชื้อแล้วอย่างดีและปิดผนึกไว้สนิทก็ตาม ซึ่งเป็นปัญหาที่ทีมวิจัยจะต้องพัฒนาและแก้ไขต่อไป พร้อมกับต้องมีการออกแบบให้ครรภ์มารดาเทียมนี้มีหน้าตาน่าใช้งานมากขึ้น โดยคาดว่าจะออกแบบให้คล้ายคลึงกับตู้อบทารกที่ใช้งานตามโรงพยาบาลในปัจจุบัน
ที่มา : https://www.nature.com/articles/ncomms15112